สำหรับสินทรัพย์ที่น่าจับตามองในตอนนี้อย่างทองคำที่ราคามีการพุ่งขึ้นแบบต่อเนื่อง ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบทั้งโดยตรงและทางอ้อม เช่นภาวะเศรษฐกิจโลก นโยบายของประเทศมหาอำนาจ หรือแม้แต่การเมืองของประเทศมหาอำนาจ ล้วนแต่สร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนยอมเสี่ยงลงทุนกับทองคำมากขึ้น โดยมีรายละเอียดแนวโน้มและความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาดังนี้
การปรับตัวที่สูงขึ้น
ราคาของทองคำได้มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปี 2567 ที่ราคาทองคำในประเทศปรับขึ้นกว่า 8,900 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่สูงกว่าปี 2566 ถึง 2 เท่า
ความต้องการทองคำจากธนาคารกลาง
ธนาคารกลางหลายประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน รัสเซีย อินเดีย ยังคงสะสมทองคำเข้าทุนสำรองอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐและลดผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร
ความกังวลเศรษฐกิจโลก
แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังเติบโต แต่ก็มีสัญญาณชะลอตัวในบางภาคส่วน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นโยบายภาษีของสหรัฐฯ
มีรายงานข่าวว่าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเพิ่มมาตรการภาษีนำเข้า 30% จากสหภาพยุโรปและเม็กซิโก ซึ่งมาตรการนี้ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าและมีส่วนผลักดันให้นักลงทุนหันเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมากขึ้น
ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง
ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวสูงขึ้น
อีกทั้งยังมีปัจจัยสำคัญที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ว่าปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่อราคาทองคำในปัจจุบันและอนาคต คือ
นโยบายการเงินของธนาคารกลาง
หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลให้ต้นทุนการถือครองทองคำลดลง ทำให้ทองคำน่าสนใจมากขึ้นและมีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น แต่ถ้าหาก Fed ขึ้นดอกเบี้ย ราคาทองคำจะถูกกดลง
และการที่ธนาคารกลางอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ อาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ดี
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
ทองคำและดอลลาร์มักมีความสัมพันธ์ผกผันกัน เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลง ทองคำจะแพงขึ้นในสกุลเงินอื่นๆ และเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ทองคำจะราคาถูกลง
ภาวะเศรษฐกิจโลกและความไม่แน่นอน
ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว เกิดภาวะเงินเฟ้อสูง เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินหรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน, ความตึงเครียดทางการค้า) นักลงทุนมักหันมาลงทุนในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Asset) ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มสูงขึ้นเพราะมีคนต้องการมากขึ้น
อุปสงค์และอุปทาน
อุปสงค์ที่มาจากความต้องการทองคำของธนาคารกลาง การลงทุนในกองทุน ETF ทองคำ ความต้องการเครื่องประดับและความต้องการในภาคอุตสาหกรรม (เช่น อิเล็กทรอนิกส์, การแพทย์) ล้วนส่งผลต่อราคา และอุปทานจากปริมาณการผลิตทองคำจากเหมืองทั่วโลก หรือการนำทองคำเก่ากลับมาใช้ใหม่
ราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวตาม
สรุปได้ว่าปัจจุบันราคาทองคำยังคงอยู่ในระดับสูงและได้รับแรงหนุนจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความกังวลด้านเศรษฐกิจโลก การดำเนินนโยบายของธนาคารกลาง และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ การที่อดีตประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์กลับมามีบทบาทและมีนโยบายที่อาจส่งผลต่อสงครามการค้า ก็ได้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ดังนั้นนักลงทุนควรติดตามปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากราคาทองคำยังคงมีความผันผวนสูง การลงทุนในทองคำจึงควรพิจารณาให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
风险提示:以上内容仅代表作者或嘉宾的观点,不代表 FOLLOWME 的任何观点及立场,且不代表 FOLLOWME 同意其说法或描述,也不构成任何投资建议。对于访问者根据 FOLLOWME 社区提供的信息所做出的一切行为,除非另有明确的书面承诺文件,否则本社区不承担任何形式的责任。
FOLLOWME 交易社区网址: www.followme.ceo
加载失败()