
🔍 ประเด็นสำคัญ
บาทแข็งค่าสูงสุดในรอบ ~4 ปี
- ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณ 8 % เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในปีนี้
- สาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ดอลลาร์อ่อน, เงินทุนไหลเข้าไทย, ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด (current account surplus) และทองคำที่มีบทบาทในการเคลื่อนเงินเข้าไทยมากขึ้น
ผลกระทบต่อส่งออก และการท่องเที่ยว
- เมื่อบาทแข็ง สินค้าส่งออกไทยแพงขึ้นในตลาดต่างประเทศ ทำให้การแข่งขันลดลง
- การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติมองหา “value for money” ถ้าค่าเงินไทยสูงเกิน อาจเลือกประเทศอื่นที่ถูกกว่า
ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) เข้าแทรกแซง / มาตรการควบคุม
- BOT กล่าวว่าได้ทำการ intervene ในตลาดเงินเพื่อป้องกันไม่ให้เงินบาทแข็งตัวหรือผันผวนเร็วเกินไป
- มีการพิจารณาภาษีการซื้อขายทองคำ (gold trading tax) เพื่อจำกัดการเคลื่อนย้ายเงินผ่านช่องทางทองคำ ที่อาจเป็นส่วนหนึ่งของแรงจูงใจให้เงินบาทแข็งตัวมากขึ้น
ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมต่ำ
- ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมของไทยลดลงต่ำที่สุดในรอบ ~3 ปี (37-เดือน) โรดแมป/ปัจจัยการเมือง ความไม่แน่นอน และบาทแข็ง เป็นตัวกดดันหลัก
- การค้าโลกที่มีภาษีนำเข้า (tariffs) โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันผู้ส่งออก
การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและธปท.
- รัฐบาลใหม่ได้ตั้งทีมเฉพาะกิจร่วมกับ BOT เพื่อติดตามและจัดการเรื่องเงินบาทแข็ง รวมถึงดู “capital inflows” และการเคลื่อนย้ายเงินผ่านทองคำ
- นายกฯ และผู้ว่าการธนาคารกลางเน้นให้มีมาตรการเพิ่มสภาพคล่อง (liquidity) เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดกับเศรษฐกิจในระยะสั้น
⚠️ ผลความเสี่ยง / สิ่งที่ต้องจับตา
ถ้าบาทแข็งมากเกินไป เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ผู้ส่งออกไทยเสียเปรียบในการแข่งกับคู่แข่งในภูมิภาค
ท่องเที่ยวอาจชะลอตัว ถ้าค่าใช้จ่ายสำหรับนักท่องเที่ยวสูงขึ้น
ความผันผวนของเงินทุนเข้าออกประเทศ — นักลงทุนอาจเข้ามารับผลประโยชน์จากเงินบาทแข็ง แล้วออกตัวเมื่อแนวโน้มเปลี่ยน
ความเสี่ยงจากนโยบายต่างประเทศ เช่น ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบซ้อนทับกับเงินบาทแข็ง
风险提示:本文所述仅代表作者个人观点,不代表 Followme 的官方立场。Followme 不对内容的准确性、完整性或可靠性作出任何保证,对于基于该内容所采取的任何行为,不承担任何责任,除非另有书面明确说明。
喜欢的话,赞赏支持一下
加载失败()